หัตถ์เทวะธิดาพญายม : ชายายอดรักทรราชไร้ใจ - ตอนที่ 137 มิติเวทปรับสภาวะ
ต้านต้านขบกัดปลายนิ้วพร้อมกระพริบตาปริบ ๆ จ้องมองเกอซี “พลังปราณห้าธาตุย่อมประกอบด้วย ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุไฟ ธาตุไม้ และธาตุทอง ปราณห้าธาตุห้าคุณลักษณะ ! ท่านแม่ เพียงแค่นี้ท่านก็ไม่รู้หรือ ?”
เกอซีกุมขมับ นางไม่ควรคาดหวังในไอคิวอันล้ำเลิศของต้านต้านเอาเสียเลย นอกจากเขาจะไม่เข้าใจคำถามของนางแล้ว ดวงหน้ากลมยังแฝงความนัยราวกับเจ้าตัวน้อยกำลังคิดว่านางช่างทึ่มทื่อเอาเสียจริง
ดีล่ะ ! ข้าจะไม่สนใจเจ้าแล้ว ดูสิว่าเจ้าจะเป็นเช่นไร !
เกอซีไม่ใส่ใจเจ้าหนูน้อยอีก นางเริ่มหันไปสำรวจความเปลี่ยนแปลงอันเกิดขึ้นภายในมิติเวท
แน่นอนอย่างยิ่ง ช่วงเวลาแค่เพียงข้ามคืน ไม่เพียงนางจะสามารถคลายผนึกที่จุดตันเถียน สามารถก้าวข้ามสู่ขอบเขตพลังปราณขั้นปฐมภูมิโลกันตร์ได้เท่านั้น
กระทั่งต้านต้านก็สามารถกะเทาะเปลือกไข่เจาะออกมาได้ ภาวะภายในมิติเวทเกิดการเปลี่ยนแปลงเกินประมาณ
ผืนธรณีลำนำศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลซึ่งเดิมทีก็กว้างใหญ่ไพศาลอย่างยิ่ง ยามนี้กลับยิ่งแผ่กว้างกินอาณาเขตไปไกลลิบจนสุดสายตา พืชสมุนไพรเวทที่หว่านเพาะไว้ก่อนหน้าเจริญเติบโตขึ้นด้วยระยะเวลาแค่เพียงชั่วข้ามคืน
ล้วนเป็นที่ทราบกันดีทั่วทั้งดินแดนแถบทวีปหมีหลัวว่า กว่าพรรณพืชสมุนไพรเวทจะเจริญเติบโตขึ้นนั้น จำต้องอาศัยระยะเวลาหลายปี
นั้นคือ การที่สมุนไพรเวทจะเติบโตขึ้นได้ถึงระดับพลังขั้นต้นล้วนต้องอาศัยระยะเวลานับสิบปี จากนั้นต้องใช้ระยะเวลาอีกกว่าร้อยปี พืชสมุนไพรเวทจึงสามารถเติบใหญ่ก้าวขึ้นสู่ระดับพลังเวทขั้นที่สอง และต้องใช้ระยะเวลาในการบ่มเพาะพลังอีกนับพันปี พวกมันจึงสามารถเลื่อนขึ้นสู่พลังเวทพืชสมุนไพรขั้นที่สาม
ส่วนการก้าวขึ้นสู่การเป็นพืชสมุนไพรขั้นที่สี่ จำต้องอาศัยระยะเวลาเพิ่มไปอีกถึงห้าพันปี หากจะกล่าวถึงพืชสมุนไพรที่มีระดับพลังขั้นห้า ล้วนจำต้องอาศัยระยะเวลาในการบ่มเพาะนับหมื่นปี
ยากเย็นเหลือเกินที่จะได้พบเห็นสมุนไพรเวทขั้นห้าหรือพืชสมุนไพรที่มีพลังเวทรุนแรงยิ่งไปกว่า อีกทั้งการจะแยกแยะระดับพลังหรืออายุปีของพวกมันนับเป็นเรื่องมิใช่ง่ายดาย
แม้ผืนธรณีลำนำศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลจะมีความสามารถเอื้ออำนวยเร่งเร้าการเจริญเติบโตของพรรณพฤกษาทั้งหลายได้ก็จริง ถึงกระนั้น การจะทำให้พืชสมุนไพรขั้นที่หนึ่งหรือสองสามารถเลื่อนระดับขึ้นสู่ขั้นที่สาม ยังนับว่าจำต้องอาศัยระยะเวลายาวนานพอควร
ทว่ายามนี้ ช่วงระยะเวลาแค่เพียงข้ามคืน ต้นกล้าอ่อนสมุนไพรทั้งหลายเหล่านั้น ล้วนสามารถบ่มเพาะพลังของตนจนก้าวขึ้นสู่คุณสมบัติแห่งพืชสมุนไพรขั้นที่สามได้แล้ว
ทว่าสิ่งที่ทำให้หญิงสาวรู้สึกอัศจรรย์ใจยิ่งขึ้นไปอีกนั้นก็คือ การที่พฤกษาเวทขั้นที่หนึ่งบางส่วนภายในมิติเวทได้เลื่อนระดับกลายเป็นพฤกษาเวทขั้นที่สองอีกด้วย ! เหตุการณ์พิศวงอันน่าทึ่งเช่นนี้ไม่เคยปรากฏขึ้นในดินแดนแถบทวีปหมีหลัวแห่งนี้มาก่อน !
เกอซีไม่รอช้า นางตรงเข้าไปสำรวจบ่อน้ำทิพย์ธาราแห่งความสันโดษชั้นเก้า สภาพภายนอกที่ปรากฏกับสายตานั้นบ่อน้ำทิพย์ยังคงมีลักษณะเช่นเดิมไร้ความแปรเปลี่ยน
ทว่าทันทีที่นางกวักน้ำทิพย์ขึ้นดื่มกินก็สามารถรับรู้ได้ถึงขุมพลังอันเปี่ยมล้นมหาศาลที่เพิ่มพูนขึ้นไม่รู้กี่เท่า ทิพย์ธาราแปรเปลี่ยนไปอย่างล้นเหลือ สายพลังบริสุทธิ์ตรงเข้าฟื้นฟูอวัยวะหยินทั้งห้าหยางทั้งหกตลอดทั่วทั้งเรือนกาย คลื่นพลังที่หนาแน่นเข้มข้นตรงเข้าชำระล้างเส้นชีพจรลมปราณโดยไม่ทิ้งร่องรอยแห่งความรู้สึกที่เจ็บปวดแต่ประการใด หากทว่ากลับกัน หญิงสาวรู้สึกผ่อนคลายอย่างยิ่งจนต้องถอนลมหายใจออกมาด้วยความรู้สึกที่แสนสบาย
ดูเหมือนกระทั่งน้ำทิพย์ธาราแห่งความสันโดษชั้นเก้าก็ได้รับการเลื่อนระดับเช่นกัน !
เกอซีรู้สึกยินดีเป็นทียิ่ง ครั้นเมื่อหันไปอีกทีจึงเห็นต้านต้านกำลังก้มหัวงุด ๆ พยายามยื่นหน้ายื่นตาลงไปดื่มน้ำทิพย์ตามที่นางกระทำดูบ้าง
ทว่าดื่มไปได้แค่เพียงสองอึก เจ้าตัวน้อยกลับขยับหัวสะบัดน้ำที่ติดไปมากระเด็น “ไม่อร่อยเลย มันไม่อร่อยแล้ว !”
เกอซีค่อนข้างแปลกใจกับปฏิกิริยาของต้านต้าน หวนทบทวนดูอีกครา แม้เมื่อพรรณพฤกษาทั้งหมดในมิติเวทจะเลื่อนภูมิสูงขึ้น หรือกระทั่งขุมพลังทั้งหมดภายในมิติเวทเกิดปรากฏการณ์หนาแน่นขึ้น สิ่งทั้งปวงเหล่านั้นหาได้อยู่ในความใส่ใจของต้านต้านไม่ แม้กระทั่งน้ำทิพย์ธารา
“เจ้าช่างไม่รู้จักของดีเอาเสียเลย ! ก่อนหน้านี้ ขอเพียงสิ่งใดบรรจุกระแสพลัง เจ้าก็อยากกินไปหมดมิใช่หรือ ? ยามนี้เจ้าเติบใหญ่แล้วชักเริ่มรู้จักเลือกอาหารแล้วงั้นสิ”
ต้านต้านตรงเข้ามาเกาะแขนเกอซีโยนตัวห้อยโหนไปมาปานประหนึ่งเจ้าหนูขี้อ้อน
“ท่านแม่ทำอาหารอร่อยที่สุดเลย ต้านต้านกินได้ตลอดทั้งชาติก็ไม่มีเบื่อเลย ท่านแม่ ต้านต้านหิวแล้ว หิวจังเลย ! ต้านต้านอยากกินไก่ย่างแสนอร่อยฝีมือท่านแม่ อยากกินขนม ขอเนื้อกระต่ายด้วยได้ไหม”
เส้นโลหิตดำบนหน้าผากของเกอซีปูดโปนขึ้น นางเริ่มสำนึกได้ว่าเจ้าตัวน้อยนี้ไม่กระทำสิ่งใดนอกไปเสียจาก กิน กิน และกินตั้งแต่ครั้งยังกกตัวอยู่ในเจ้าไข่ใบยักษ์ กระทั่งยามนี้สามารถกะเทาะเปลือกออกมาได้แล้ว กลับกลายเป็นคนเลือกกิน ! วันข้างหน้า เขาจะไม่กินล้างกินผลาญจนนางต้องเดินถือกะลาล่ะหรือ ?
เกอซีหาได้ล่วงรู้เลยว่า นับแต่ต้านต้านได้ลิ้มชิมรสภักษาพลังปราณฝีมือนางแล้ว รสนิยมการชิมอาหารของเขากลับเลื่อนชั้นขึ้นอย่างร้ายกาจ ก่อนหน้านี้เขามิอาจออกมาจากเปลือกไข่ได้ จึงทำได้เพียงยอมจำนน ด้วยอับจนหนทาง
ทว่าเมื่อสามารถกะเทาะออกมาจากเปลือกไข่ได้แล้ว ความสามารถในการรับรู้สิ่งอันสุนทรีย์ และรสชาติอ่อนละมุนดั่งหมู่มนุษย์ย่อมปรากฏขึ้น ต้านต้านจึงเริ่มอิดออดกับของกินที่มีพลังทว่าไร้รสชาติ
แต่ถึงกระนั้นก็ตามที หากของกินชิ้นนั้นอุดมหนาแน่นไปด้วยขุมพลังอันมหาศาล แม้มันจะไร้รสชาติเรียกน้ำย่อยไม่ได้สักเพียงไรก็ตาม ต้านต้านก็หาได้ใส่ใจไม่
ครั้นกล่าวถึงเรื่องนี้ เกอซีจึงนึกขึ้นได้ว่าตนเองก็เริ่มรู้สึกหิวแล้วเช่นกัน อาจสืบเนื่องมาจากก่อนหน้านี้นางถูกมือสังหารไล่ล่ากระทั่งต้องหนีหัวซุกหัวซุน
เกอซีได้ตระเตรียมอาหารสะสมไว้เป็นอย่างดีภายในพระราชวังซูมี่แห่งนี้ ทั้งยังจัดหาตู้เก็บแยกประเภทอาหารแต่ละอย่างไว้เป็นระเบียบ แค่เพียงคิดก็สามารถเรียกน้ำย่อยได้แล้ว
เมื่อเวลาภายในพระราชวังซูมี่นั้นดำเนินไปอย่างเชื่องช้ากระทั่งแทบจะเรียกได้ว่าหยุดนิ่ง เช่นนั้นแล้ว อาหารทุกชนิดที่ถูกเก็บรักษาไว้ภายในพระราชวังซูมี่จึงยังคงสภาพดังเดิมเช่นกับที่พวกมันถูกนำมาเข้ามาในคราแรก กระทั่งไอร้อนระอุของอาหารก็ยังไม่คลายลงเลยด้วยซ้ำ
ครั้นเมื่อเหยียบย่างมาถึงหน้าพระราชวังซูมี่ เกอซีกลับต้องประหลาดใจเมื่อพบว่า กระทั่งพระราชวังซูมี่แห่งนี้ก็ยังปรากฏความเปลี่ยนแปลงอย่างมากมาย
พระราชวังซูมีประกอบด้วยบานประตูทั้งหมด 81 บาน ภายในพระราชวังแบ่งออกเป็น 9 ตำหนัก บานประตูทั้งเก้า นำทางไปสู่ตำหนักแต่ละแห่ง
ทว่าเมื่อบานประตูส่วนใหญ่ยังคงถูกปิดตายไว้ เกอซีจึงไม่อาจล่วงรู้ได้เลยว่ามีสิ่งใดอยู่ด้านหลังบานประตู จวบจนกระทั่งยามนี้ หญิงสาวคงรู้ได้แค่เพียงว่า ตำหนักหลังประตูบานแรกนั้นมีนามว่า ‘ตำหนักชีวาสวรรค์’ ประตูเพียงบานเดียวที่เปิดออกได้นั้นคือ บานประตูสู่ห้องแรกของพระตำหนัก และที่นั้นคือห้องซึ่งต้านต้านเคยอาศัยเก็บตัวอยู่นั่นเอง
ทว่ายามนี้ เมื่อมิติเวทเลื่อนภูมิขึ้น บานประตูที่เคยถูกปิดตายไว้ทั้งแปดบานพลันหายไปอย่างไม่คิดฝัน คงเหลือไว้แค่เพียงบานประตูหลังเดียวเท่านั้น อักษรจารึกสลักปรากฏที่ด้านบน ‘ตำหนักชีวาสวรรค์’ อีกทั้งยามนี้ ประตูบานนี้ยังคงปิดอยู่เช่นกัน
เกอซีค่อย ๆ เหยียดยื่นฝ่ามือออกผลักบานประตู ฉับพลัน ข้อมูลบางอย่างที่คลุมเครือพลันหลั่งไหลเข้าสู่กระแสจิต
“ตำหนักชีวาสวรรค์ พระตำหนักหลังที่เก้าแห่งแดนสรวง สิ่งมีชีวิตทั้งมวลล้วนตกเป็นของใช้สำหรับเจ้า”
ทันทีที่บานประตูถูกเปิดกว้าง สิ่งแรกที่ประจักษ์แก่สายตาเกอซีคือ หีบหยกแปดใบที่เปล่งประกายแสงสีขาวกระพริบวูบวาบลอยเคว้งอยู่กลางออากาศ
หีบหยกทั้งแปดมีรูปร่างดังเช่นปกติทั่วไป ทว่าบนหีบปรากฏรูปสลักเสลาที่เรียบง่าย หากแต่เกอซีกลับรู้สึกคุ้นตาราวกับเคยเห็นรูปสลักเหล่านี้มาก่อน
หีบหยกแต่ละใบล้วนถูกครอบคลุมไว้ด้วยพลังงานสีขาวประหนึ่งน้ำนมที่บางเบาจนแทบจะโปร่งใส หีบหยกที่ลอยเคว้งในม่านพลังสีขาวพวกนี้ดูราวกับหนูน้อยจอมป่วนด้วยเมื่อเกอซีเหยียดยื่นฝ่ามือออกไปหมายจะหยิบฉวย พวกมันกลับเคลื่อนถลาหนีไปอย่างรวดเร็ว นางจึงยังไม่ทันคว้าฉวยไว้ได้แม้เพียงชิ้น
สายตาของเกอซีจับจ้องติดตามหีบใบหนึ่งไปกระทั่งมันไปหลบอยู่ที่มุมห้องทางด้านซ้าย หญิงสาวต้องตกใจจนแทบกระโดดโหยงเมื่อได้เห็นตู้เก็บของที่คุ้นตาซึ่งนางจัดวางอุปกรณ์การปรุงอาหารไว้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย
ยามนี้กลับสกปรกเลอะเทอะไปหมด บานตู้เก็บของน้อย ๆ ถูกเปิดออก กองจานชามที่ว่างเปล่าวางระเกะระกะเป็นกองภูเขาย่อม ๆ เศษกระดูกถูกกัดแทะเขวี้ยงทิ้งไว้เกลื่อนพื้น
เส้นโลหิตบนหน้าผากของเกอซีปูดโปนขึ้น ครั้นเมื่อหันกลับมาจึงเห็นต้านต้านทำหลบตาไปมาด้วยสำนึกผิด ทั้งยังแอบทำตัวลีบเตรียมชิ่งหนี ทำให้เกอซีล่วงรู้ตัวผู้กระทำผิดได้ในทันที
นางเหยียดฝ่ามือออกไปคว้าคอต้านต้าน ยกร่างกลม ๆนั้นขึ้นในระดับสายตา และเริ่มไต่สวนด้วยสีหน้าหม่นมัว “ต้านต้าน ฝีมือเจ้าใช่ไหม ?”
ต้านต้านก้มหน้างุด ๆ ตอบกลับนางด้วยหน้าตาน่าสงสาร “ท่านแม่ ต้านต้านหิว…….พอปีนออกมาจากเปลือกไข่ได้……ต้านต้านก็หิว……..เลยกินเยอะไปหน่อย”
มุมปากเกอซีกระตุกกึก “ในตู้เก็บอาหารไว้ตั้งมากมาย ! เจ้ากินล้างกินผลาญไปเสียขนาดนี้ ยังมีหน้ามาร่ำร้องกับข้าว่าหิวอีกกระนั้นหรือ ? !”
ไก่ตุ๋นจันทรา เนื้อกระต่ายรมควัน เนื้อเค็มขาเม่น……. ตู้อาหารสองตู้ที่เต็มไปด้วยของกินมากมาย ไม่เหลือ !
นางต้องสิ้นเปลืองหินผลึกไปมากมายเพียงไรจึงสามารถซื้อข้าวของมาปรุงเพื่อกักตุนอาหาร ทว่าทุกสิ่งกลับราพณาสูรด้วยช่วงเวลาแค่เพียงข้ามคืน !
ครั้นหันมองดูต้านต้านตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าอีกครา ตัวเขาเล็กจ้อยแค่นี้ ไยจึงกินจุเช่นนี้ อาหารทั้งหมดที่สูญไปมากกกว่าขนาดตัวของต้านต้านถึงสิบเท่า !
ต้านต้านทำปากแบะเริ่มส่งเสียงสะอึกสะอื้นพลางเอ่ยกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงของหนูน้อยที่รู้สึกผิดเต็มหัวใจ
“ต้านต้านกำลังกินกำลังโตเลยหิวไปหน่อย ท่านแม่อย่าโกรธต้านต้านได้ไหม”
เกอซีอับจนปัญญาที่จะหาหนทางจัดการพ่อหนูนักเขมือบตัวฉกาจผู้นี้อย่างแท้จริง !
***จบตอน มิติเวทปรับสภาวะ***